สวัสดีวันหยุดกับสารพันเรื่องราวในโลกยานยนต์ไปกับ อ้วนซ่า แอบซิ่ง เหมือนเช่นเคย ในสัปดาห์นี้อ้วนซ่า ขอนำข่าวสารด้านเทคโนโลยีจากยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์จากญี่ปุ่น “นิสสัน” ผู้บุกเบิกการพัฒนารถไฟฟ้าของญี่ปุ่น แต่กลับโดนค่ายอื่นที่มาทีหลังปาดหน้าไปได้ แต่ในครั้งนี้ นิสสันประกาศกร้าวว่า พวกเขาจะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยเทคโนโลยี แบตเตอรี่ที่มีตัวถ่ายเทประจุเป็นของแข็ง ที่มีชื่อเรียกว่า “โซลิตสเตทแบตเตอรี่” (Sold-State Battery)คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ชื่อ “โซลิตสเตท” นั้นก็ชัดเจนแล้วว่ามันคือของแข็ง ซึ่งต่างจากรูปแบบของแบตเตอรี่ที่เราใช้กันในยุคปัจจุบันนี้ ที่ใช้ของเหลวเป็นอิเล็กโทรไลต์ (Electrolyte) หรือตัวถ่ายเทประจุไฟฟ้า จากขั้วบวก ไปยังขั้วลบ ซึ่งของเหลวนี้นี่เองที่เป็นตัวปัญหาในแบตเตอรี่ยุคปัจจุบัน ที่ก่อให้เกิดปัญหาแบตเตอรี่บวมเนื่องจากความร้อน หรือเกิดการรั่วของอิเล็กโทรไลต์ ที่สามารถนำไปสู่การระเบิด หรือลุกไหม้ได้ โดยการเปลี่ยนมาใช้ของแข็งเป็นตัวถ่ายเทประจุแทนจะตัดปัญหาเหล่านั้นไปได้
นอกจากนั้นยังมีเรื่องของความหนาแน่นของพลังงานไฟฟ้า (Energy Density) ที่สามารถสะสมในเซลล์แบตเตอรี่ แบตเตอรี่โซลิดสเตท นั้นมีความหนาแน่นสูงกว่าแบบ อิเล็กโทรไลต์เหลวในปัจจุบัน ทำให้หากมันมีความจุไฟฟ้าเท่าๆ กัน มันจะมีขนาดที่เล็กกะทัดรัดกว่า และในทางเดียวกัน เมื่อขนาดมันเล็กลง การติดตั้งแบตเตอรี่ในพื้นที่เท่าเดิม มันจะสามารถเพิ่มจำนวนเซลล์แบตเตอรี่ได้มากขึ้น ซึ่งผลก็คือ มันจะสามารถเพิ่มระยะทางวิ่งให้ไกลได้เพิ่มขึ้น รวมถึงการที่มันมีความร้อนต่ำ จะช่วยให้สามารถอัดไฟได้ด้วยความเร็วที่สูงกว่าแบตเตอรี่ในยุคปัจจุบันมาก แน่นอนว่าเมื่อไหร่ที่แบตเตอรี่ชนิดใหม่นี้ สามารถผลิตออกมาได้ในจำนวนมาก รถยนต์ไฟฟ้าที่เราใช้กันในยุคปัจจุบันจะกลายเป็น ของตกยุคในทันที
ประเภทของแบตเตอรี่แบบโซลิดสเตท ที่นิสสันใช้นั้นเป็นชนิด ASSB หรือ All- Solid-State Sodium Battery หรือแบตเตอรี่โซลิดสเตทที่ใช้โซเดียม เป็นส่วนประกอบ โดย นิสสันประกาศใน นิทรรศการ “นิสสัน ฟิวเจอร์” (Nissan Futures) หรือ “อนาคตของนิสสัน” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ไปจนถึงวันที่ 1 มีนาคม นี้ที่ สำนักงานใหญ่ของนิสสันในเมืองโยโกฮามา ว่า เทคโนโลยี แบตเตอรี่แบบ โซลิดสเตท ของพวกเขานั้นจะเห็นเป็นรูปธรรมจับต้องภายในปี 2025 และจะพร้อมวางตลาดในปี 2028 หรือในปี 5 ปีข้างหน้า โดยพวกเขาระบุว่า มันจะวิ่งได้ระยะทางมากขึ้น ใช้เวลาในการอัดไฟสั้นลง และมีความปลอดภัยสูง พร้อมทั้งเปิดตัวรถแนวคิดพลังไฟฟ้าแบบเปิดประทุน ในชื่อ แม็กซ์-เอาท์ (Max-Out) ซึ่งทางเราจะขอนำเสนอข้อมูลในภายหลัง
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ทุ่มทุกอย่างลงไปในเทคโนโลยี แบตเตอรี่โซลิดสเตทที่ใช้โซเดียม แต่เพียงอย่างเดียว แต่แบตเตอรี่แบบ ลิเทียมไอออน ที่เป็นเทคโนโลยีที่เราใช้กันในปัจจุบันก็ยังได้รับการพัฒนาเช่นกัน โดยจุดที่เขาพัฒนาคือการลดการใช้แร่ “โคบอลต์” (Cobalt) ที่เป็นแร่ที่อันตราย และพวกเขาเชื่อว่าจะสามารถพัฒนาแบตเตอรี่ที่ไม่มีโคบอลต์ ที่เชื่อว่าจะช่วยให้ราคาของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน จะสามารถมีราคาลดลงได้กว่า 65% และจะสามารถจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2028
ไม่ได้มีเพียงนิสสันที่ ลงทุนพัฒนารถยนต์ที่รองรับเทคโนโลยีใหม่นี้ ฟอร์ด และ บีเอ็มดับเบิลยู ที่ร่วมมือกับ บริษัทสตาร์ทอัพไฮเทคชื่อ โซลิด เพาเวอร์ (Solid Power) และ โตโยต้า ที่ร่วมมือกับพานาโซนิค เองก็ร่วมขบวนในเทคโนโลยีนี้เช่นกัน ซึ่งนิสสันเองในช่วงที่ผ่านมา แม้จะมีการก้าวเข้าสู่เทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าก่อนใคร ในรถอย่าง นิสสัน ลีฟ (Nissan Leaf) แต่กลับโดนลูบคมและเสียท่าให้กับผู้ที่มาทีหลังอย่าง เทสล่า (Tesla) และการรุกคืบอย่างรวดเร็วของรถไฟฟ้าจากประเทศจีนสารพัดรุ่น จนเสียรูปขบวนไปชนิดกู่ไม่กลับคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
แต่ก็อย่างที่เรารู้กันว่า สำหรับนิสสันแล้วคำว่า “ชอบเหรอ? ไม่ขาย!” ไม่รู้ว่าจะยังคงหลอกหลอนพวกเราไปอีกนานแค่ไหน เหมือนกัน